rss
email
twitter
facebook

วันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2556

"E-Learning" กับ "Web Service"

ความสัมพันธ์ระหว่าง "E-Learning" กับ "Web Service"

  ระบบการศึกษาในปัจจุบัน ไดมีการพัฒนาไปสูระบบการเรียนรูผ่านสื่ออิเล็กทรอนิค หรือที่เรียกว่า e-learning เพื่อผู้เรียนสามารถศึกษาเรียนรูไดด้วยตนเองในทุกที่ และทุกเวลาโดยผ่านระบบจัดการการเรียนรูหรือที่เรียกว่า  LMS (Learning Management System) ที่ทำหน้าที่บริหารและจัดการเกี่ยวกับการสร้างข้อมูลการเรียนรู และการเขาใชงานขอมูลการเรียนรูของผูเรียนแต่ละคน อันเป็นหารนำไปสู่ระบบการเรียนรูที่มีผู้เรียนเป็นศูนย์กลางไดจากประโยชนของระบบ e-learning จึงทำให้หลายสถาบันการศึกษามีความต้องการที่จะมีระบบ e-learning ที่เป็นของตนเอง โดยการพัฒนาขึ้นมาเองหรือการนำเขาจากต่างประเทศ จึงทำให้มีความหลากหลายของระบบ e-learning เกิดขึ้น เนื่องจากถูกพัฒนาด้วยแพลตฟอร์ม (platform) ที่แตกต่างกัน อันนำไปสู่ปัญหาการขาดความยืดหยุ่นในการพัฒนา (flexibility) การทำงานร่วมกัน (interoperability) การแลกเปลี่ยนข้อมูลการเรียนรูร่วมกัน (exchangeability) และการนำเนื้อหาที่มีอยู่แลวกลับมาใช้ใหม่ (reusability) อันทำให้เกิดความซ้ำซ้อนในการพัฒนาข้อมูลการเรียนรูของแต่ละสถาบัน และนำไปสู่การสูญเสียค่าใช้จ่ายที่สูงมากในการพัฒนาข้อมูลการเรียนรู
 คำว่า e-Learning คือ การเรียน การสอนในลักษณะ หรือรูปแบบใดก็ได้ ซึ่งการถ่ายทอดเนื้อหานั้น กระทำผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่น ซีดีรอม เครือข่ายอินเทอร์เน็ต อินทราเน็ต เอ็กทราเน็ต หรือ ทางสัญญาณโทรทัศน์ หรือ สัญญาณดาวเทียม (Satellite) ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งการเรียนลักษณะนี้ได้มีการนำเข้าสู่ตลาดเมืองไทยในระยะหนึ่งแล้ว เช่น คอมพิวเตอร์ช่วยสอนด้วยซีดีรอมการเรียนการสอนบนเว็บ (Web-Based Learning), การเรียนออนไลน์ (On-line Learning) การเรียนทางไกลผ่านดาวเทียม หรือ การเรียนด้วยวีดีโอผ่านออนไลน์ เป็นต้น
  ในปัจจุบัน คนส่วนใหญ่มักจะใช้คำว่า e-Learning กับการเรียน การสอน หรือการอบรม ที่ใช้เทคโนโลยีของเว็บ (Web Based Technology) ในการถ่ายทอดเนื้อหา รวมถึงเทคโนโลยีระบบการจัดการหลักสูตร (Course Management System) ในการบริหารจัดการงานสอนด้านต่างๆ โดยผู้เรียนที่เรียนด้วยระบบ e-Learning นี้สามารถศึกษาเนื้อหาในลักษณะออนไลน์ หรือ จากแผ่นซีดี-รอม ก็ได้ และที่สำคัญอีกส่วนคือ เนื้อหาต่างๆ ของ e-Learning สามารถนำเสนอโดยอาศัยเทคโนโลยีมัลติมีเดีย (Multimedia Technology) และเทคโนโลยีเชิงโต้ตอบ (Interactive Technology)
จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นได้ว่า E-Learning สามารถทำได้หลายรูปแบบ ที่เห็นอย่างเด่นชัดในปัจจุบันคือ การเรียนการสอนบนเว็บ (Web-Based Learning) ซึ่งถือเป็น Web Service อย่างหนึ่ง web-based learning  คือการเรียนรู้ที่ใช้การนำเสนอแบบเว็บคือเขียนด้วยภาษา html แสดงผ่านตัวอ่านที่เรียก Browserที่อ่านได้แบบมัลติมีเดีย ข้อความ ภาพ ภาพเคลื่อนไหว และเสียง สามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลาถ้าอ่านผ่านBrowserทางเครือข่ายInternet เช่นเดียวกัน web-base instruction เป็นคำสอนที่เขียนขึ้นด้วยภาษา html เช่นเดียวกัน และผ่านตัวอ่านBrowser ผู้สอนจัดทำขึ้นสำหรับผู้เรียนเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ปัจจุบันนิยมใช้ออกนำเสนอทางInternet  และมีระบบจัดการเรียนรู้ด้วยมักเรียกกันว่า e-Learning
ยกตัวอย่างเพื่อให้ผู้อ่านเห็นได้ชัดเจน เช่น CISCO e-Learning Solutions  เป็นตัวอย่างหนึ่งของ e-Learning ที่ช่วยให้ผู้เรียนได้ฝึกอบรมตามประสบการณ์ของตนเอง ซึ่งเป็นระบบที่ทำหน้าที่จัดการรายการต่าง ๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ นับตั้งแต่การลงทะเบียน  การสืบท่อง (Navigation)  การเลือกบทเรียน และการต่อเชื่อมเข้าระบบ  นอกจากนี้ใน CISCO e-Learning จะมีการแบบทดสอบเพื่อประเมินผลการเรียนรู้ในแต่ส่วนอีกด้วย ซึ่งถ้าผู้เข้าเรียนรู้สอบผ่าน ทาง Ciscoก็จะออกใบประกาศนียบัตรให้ เพื่อบอกว่าผู้เรียนได้ผ่านการอบรมในหลักสูตรนี้มาแล้ว ใบประกาศนียบัตรนี้ทางCiscoจะให้ไว้ในระบบเช่น CISCO e-Learning นี้



วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2556

การประยุกต์ใช้IT เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดอุบลราชธานีอันเกี่ยวข้องกับการเพิ่มมูลค่าการค้าขายเศรษฐกิจของสินค้าอุบลราชธานี

เนื่องจากในปี พ.ศ. 2558 ประเทศไทยจะเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน หากจะกล่าวถึง การนำ IT (Information Technology) มาใช้เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดอุบลราชธานีอันเกี่ยวข้องกับการเพิ่มมูลค่าการค้าขายเศรษฐกิจของสินค้าอุบลราชธานี คงจะหนีไม่พ้นกับการทำ E-Commerce    E-commerce คือ การทำธุรกิจรูปแบบหนึ่งที่น่าจะมีส่วนช่วยทำให้มูลค่าการค้าขายเศรษฐกิจของสินค้าอุบลราชธานีเพิ่มมากขึ้น โดยอาศัยการลงทุนที่ไม่มากนักแต่สามารถสร้างผลกำไรได้นั่นคือธุรกิจการซื้อขายสินค้าและบริการผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต หรือที่รู้จักกันในนาม “ E-commerce ” ในเว็บไซต์ในประเทศไทยที่มีการทำ E-Commerce อาทิเช่น talad.com เนื่อจากในยุคปัจจุบันอินเตอร์เน็ทถือเป็นแหล่งที่ทุกคนเข้าถึงเป็นลำดับต้นๆและเริ่มเข้ามีบทบาทในชีวิตประจำวันของคนเรามากขึ้น
ในการทำ E-Commerce เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดอุบลราชธานีอันเกี่ยวข้องกับการเพิ่มมูลค่าการค้าขายเศรษฐกิจของสินค้าอุบลราชธานี ควรนำจุดเด่นของจังหวัดอุบลราชธานี ไม่ว่าสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัด หรือสินค้าประจำจังหวัด ซึ่งสินค้าประจำจังหวัดมีมากมายหลายอย่างด้วยกัน ก็ควรคัดสรรมาจากสินค้าประจำชุมชน เช่น ศูนย์สินค้าเศรษฐกิจชุมชนอุบลราชธานี จำกัด ที่มีอาคารเพื่อให้มีพื้นที่ให้กลุ่มเกษตรกร และกลุ่มอาชีพ ของแต่ละ อบต. ในจังหวัดอุบลราชธานี สามารถทำสินค้ามาฝากขายได้ โดยคิดค่าบริการต่ำกว่าห้างร้านเอกชน เพื่อให้สินค้าขายง่าย และเกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยการบริการงานของศูนย์สินค้าเศรษฐกิจชุมชน เพื่อเป็นจุดรวมของสินค้าทุกชนิด ที่ผลิตจากกลุ่มอาชีพ และกลุ่มเกษตรกรของทุก อบต. ในจังหวัด และจังหวัดโดยรอบนำมาพัฒนาในด้านคุณภาพเน้นปลอดสารพิษ และช่วยออกแบบรูปแบบบรรจุภัณฑ์ให้ทันสมัย สวยงาม เพื่อเข้าสู่มาตรฐานในอนาคต  เช่น กระติบข้าว กระเป๋าสะพายปอถัก กระเป๋าถือลายขิด ซึ่งเราก็ควรนำเสนอสินค้าประจำจังหวัดนี้มาเปิดตลาดสู่สากล ผ่านทางการทำ E-Commerce นอกจากสินค้าประจำจังหวัดแล้ว เราอาจจะโปรโมทจังหวัดของเราสู่สายตาอาเซียน ด้วยการนำแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ และมีความสวยงาม เข้าไปในเว็บ ที่ทำ E-commerce  
หากในปีพ.ศ. 2558 ที่ประเทศไทยเข้าสู่ประชาคมอาเซียนแล้ว และ E-Commerce ของจังหวัดอุบลราชธานีมีความพร้อม การเปิดเขตการค้าเสรีอาจจะเป็นโอกาสที่จะเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับจังหวัด เพราะสินค้าที่ไม่สามารถขายในประเทศอาจจะมียอดขายที่ดีในต่างประเทศก็เป็นได้

วันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2556

"IT" VS "IS"


           จากคำถามที่ว่า Information Technology กับ Information System แตกต่างกันอย่างไร ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับความหมายของ IT และ ISกันก่อน

              เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology): IT หมายถึง เทคโนโลยีที่ใช้จัดการสารสนเทศ การประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์และวิทยาการต่างๆ เพื่อความสะดวกและเพิ่มความสามารถของคนในกระบวนการจัดการสารสนเทศ เป็นเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องในการรวบรวม การจัดเก็บ การประมวลผลของข้อมูล การพิมพ์ การสร้างรายงาน การสื่อสารข้อมูล การเก็บรักษา และเผยแพร่ข้อมูลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพความถูกต้อง ความแม่นยำ และความรวดเร็วให้ทันต่อการนำไปใช้ประโยชน์ เทคโนโลยีสารสนเทศยังรวมถึงเทคโนโลยีที่ทำให้เกิดระบบการให้บริการ การใช้ และการดูแลข้อมูลด้วย

              รบบสารสนเทศ (Information System): IS  หมายถึง ระบบที่ประกอบด้วยส่วนต่างๆ ได้แก่ ระบบคอมพิวเตอร์ทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟท์แวร์ ระบบเครือข่ายฐานข้อมูลผู้พัฒนาระบบ ผู้ใช้ระบบ พนักงานที่เกี่ยวข้อง มีการใช้ชุดขององค์ประกอบที่ประกอบด้วยกลุ่มคน กระบวนการ และทรัพยากรที่ทำหน้าที่รวบรวม,การตรวจสอบข้อมูล,จัดเก็บข้อมูล,การวิเคราะห์ข้อมูล,การนำข้อมูลไปใช้หรือประมวลผลข้อมูลเพื่อสร้างสารสนเทศ และส่งผลลัพธ์หรือสารสนเทศที่ได้ให้ผู้ใช้เพื่อช่วยสนับสนุนการทำงาน,การตัดสินใจ,การวางแผน,การบริหาร,การควบคุม,การวิเคราะห์และติดตามผลการดำเนินงานขององค์กรนั้นๆ โดยอาศัยบุคคลและเทคโนโลยีสารสนเทศในการดำเนินการ

ความต่างกันของ  IS และ IT 

                    IT จะเป็นการใช้เครื่องมือทางเทคโนโลยี ความก้าวหน้ามาประยุกต์ใช้ในการจัดเก็บข้อมูล ประมวลผล รวมไปถึงการเก็บรักษาและเผยแพร่ข้อมูล  แต่ISจะเป็นการใช้ระบบ กระบวนการการจัดเก็บรวบรวมข้อมูลและนำมาเรียบเรียงทำให้เป็นสารสนเทศโดยอาศัยบุคคลและคอมพิวเตอร์ในการดำเนินการ
ความเหมือนกันของ  IS และ IT 
                    วิธีกระบวนการจัดเก็บ รวบรวม การประมวลและแปลงข้อมูลให้อยู่ในรูปสารสนเทศ ยังเป็นการนำเสนอสารสนเทศให้เป็นปัจจุบันทันเหตุการณ์ เพื่อช่วยเพิ่มความสามารถของคนในกระบวนการจัดการสารสนเทศและช่วยในการแก้ปัญหา รวมไปถึงเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้ข้อมูล
 
                    สรุปได้ว่า ระบบสารสนเทศ ก็คือ ระบบของการจัดเก็บ ประมวลผลข้อมูล โดยอาศัยบุคคลและเทคโนโลยีสารสนเทศในการดำเนินการ เพื่อให้ได้สารสนเทศที่เหมาะสมกับงานหรือภารกิจแต่ละอย่าง และ IT คือ การประยุกต์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาใช้ในระบบสารสนเทศตั้งแต่กระบวนการจัดเก็บ ประมวลผล และการเผยแพร่สารสนเทศ เพื่อช่วยให้ได้สารสนเทศที่มีประสิทธิภาพและรวดเร็วทันต่อเหตุการณ์ 
 
                    จากความหมายของคำว่า “IT” และ “IS” ด้านบน ดิฉันมีความคิดเห็นว่าว่า IT เป็น Subset ของ IS



ตัวอย่าง

     ระบบสารสนเทศด้านการบัญชี
ปัจจุบันงานของนักบัญชีมีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมอย่างมาก เนื่องจากเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัยทำให้มีการพัฒนาชุดคำสั่งสำเร็จรูปหรือชุดคำสั่ง เฉพาะสำหรับช่วยในการเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูล ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาและเพิ่มความถูกต้องใน การทำงานแก่ผู้ใช้ ทำให้นักบัญชีมีเวลาในการปฏิบัติงานเชิงบริหารมากขึ้น เช่น การออกแบบและพัฒนาระบบงาน พัฒนาระบบงบประมาณและระบบข้อมูลสำหรับผู้บริหาร เป็นต้น โดยที่ระบบสารสนเทศด้านการบัญชี (accounting information systems) หรือที่เรียกว่า AIS จะเป็นระบบที่รวบรวม จัดระบบ และนำเสนอสารสนเทศทางการบัญชีที่ช่วยในการตัดสินใจแก่ผู้ใช้สารสนเทศทั้งภายในและภายนอกองค์การ โดยระบบสารสนเทศทางการบัญชีจะให้ความสำคัญกับสารสนเทศที่สามารถวัดได้ หรือ การประมวลผล เชิงปริมาณมากกว่าการแก้ปัญหาเชิงคุณภาพ 


วันเสาร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2556

หนังสือด้าน IT ที่ชื่นชอบ (สัปดาห์หนังสือ @สุนีย์ทาวเวอร์)

เล่มที่ 1 : คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศสมัยใหม่ Computing essentials 2013
                 ผู้เขียน  
Timothy J.O’Leary , Linda I.O’Leary สำนักพิมพ์ : แมคกรอ-ฮิล


หนังสือคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศสมัยใหม่ Computing essentials 2013 ถูกถ่ายทอดจากผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีสารสนเทศระดับโลก ซึ่งมีการสอดแทรกเนื้อหาที่มีส่วนเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศในประเทศไทย เช่นแหล่งข้อมูลการเรียนรู้ทางด้าน IT ซึ่งทำให้ผู้อ่านอย่างดิฉันมีความรู้ทางด้าน ITมากขึ้น อีกทั้งยังทำให้ดิฉันเล็งเห็นถึงความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศที่ใช้ในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ภายในหนังสือยังได้กล่าวถึงเทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ ซึ่งทำให้พวกเราที่เป็นผู้อ่านได้ตระหนัก และเตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีที่กำลังจะเกิดขึ้นทำให้เราสามารถปรับตัวและเข้าใจถึงเทคโนโลยีนั้นๆได้ดีมากขึ้น นอกจากนี้เนื้อหาที่อยู่ภายในหนังสือเล่มนี้ยังอาจทำให้ผู้อ่านนำความรู้หรือเทคโนโลยีที่มีอยู่ หรือที่กำลังจะเกิดขึ้นมารประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ตนเองและส่วนรวม

เล่มที่ 2 : โลกเครือข่าย อนาคตของอินเตอร์เน็ท The Network ll Future Of The internet
                 ผู้เขียน รอฮีม ปรามาท สำนักพิมพ์ : โพสต์พับลิชชิ่ง

                หนังสือเล่มนี้ได้รวบรวมบทความเกี่ยวกับความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ เรื่องราวของเครือข่ายอินเตอร์เน็ทจากอดีตถึงปัจจุบัน และการเชื่อมโยงสู่อนาคต ซึ่งมีผลต่อการดำเนินชีวิตทุกคนบนโลก อีกทั้งนวัตกรรมใหม่ๆที่สามารถพาผู้อ่านท่องไปทั่วโลกเพียงปลายนิ้วสัมผัส ซึ่งนอกจากนี้ในหนังสือเล่มนี้ได้กล่าวถึงเทคโนโลยีที่ทางผู้อ่านอย่างดิฉันได้ติดตามอย่าง เทคโนโลยี 4G ที่ทางประเทศไทยกำลังพยายามขับเคลื่อนเทคโนโลยีนี้ให้เทียบทันกับประเทศอื่นๆ ซึ่งทำให้ดิฉันเข้าใจเทคโนโลยีส่วนนี้มากขึ้น  และอยากให้ประเทศไทยพัฒนาให้ถึงเทคโนโลยี 4G
ภายในหนังสือมีส่วนหนึ่งที่ตัวดิฉันชอบเป็นพิเศษ คือ ส่วนของวัยรุ่นกับICT ซึ่งได้กล่าวถึงว่าวัยรุ่นในสังคมไทยมีส่วนเกี่ยวข้องกับกับICT อย่างไร ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษา ซึ่งในประเทศไทยยังใช้เทคโนโลยีกับการศึกษายังไม่ดีมากเท่าที่ควร วัยรุ่นในสังคมไทยปัจจุบันจะเกี่ยวข้องกับICT ในเรื่องของ Social Media มากกว่า ซึ่งเนื้อหาในส่วนนี้มีความสนุกปนกับความรู้ที่สอดแทรกเป็นเกล็ดเล็กเกล็ดน้อย และยังให้แง่คิดกับวัยรุ่นไทยกับICT นอกจากนี้เนื้อหาที่ดิฉันชอบอีกแบบหนึ่งคือ สมาร์ทโฟนสุดล้ำ ซึ่งจะไม่พูดถึงไม่ได้เลยในส่วนนี้ เพราะในยุคปัจจุบันคนส่วนใหญ่จะใช้สมาร์ทโฟน ในหนังสือเล่มนี้ได้คาดการณ์รูปแบบสมาร์ทโฟนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต พร้อมเทคโนโลยีต่างๆที่ต้องพัฒนามารองรับ เนื้อหาส่วนนี้จะทำให้ผู้อ่านอย่างเราๆ เข้าใจและสามารถปรับตัวในส่วนนี้ได้ดีมากขึ้น  โดยภาพรวมแล้วหนังสือเล่มนี้ทำให้เปิดทัศนคติ และมุมมองให้กว้างไกลมองขึ้น ในเรื่องของ โลกเครือข่าย เพื่อทำความเข้าใจและก้าวทันด้วยสติปัญญา เพื่อการใช้ชีวิตในโลกแห่งเทคโนโลยีอย่างมีความสุข

เล่มที่ 3 : ยุคแห่งเฟสบุ๊ค The Facebook Era
                  ผู้เขียน : คลาร่า ชีห์ สำนักพิมพ์ : ประพันธ์สาส์น


                หนังสือยุคแห่งเฟสบุ๊ค The Facebook Era เป็นหนังสือที่กล่าวถึงการประยุกต์ใช้เครือข่ายสังคม ที่เรียกว่า facebook มาใช้ในทางธุรกิจและการตลาด การขาย และนวัตกรรมบนโลกเสมือน ซึ่งเป็นการลองของบุคคลหนึ่งที่มีอาชีพเริ่มจากทำธุรกิจร้านดอกไม้ในนิวยอร์ก ซึ่งเริ่มแรกก็ขายดอกไม้ในหน้าร้านทั่วไป ซึ่งถือว่าธุรกิจของเขาไม่ได้เป็นอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยีแต่อย่างใด แต่เขากล้าลงทุน ยอมเสี่ยง โดยนำเทคโนโลยีเครือข่ายทางสังคม ที่เรียกว่า facebook เข้ามาเปิดโอกาสทางด้านการค้า และเป็นการสร้างการได้เปรียบคู่แข่งทางการค้า ซึ่งเนื้อหาในหนังสือทำให้ดิฉันเข้าใจถึงความสำคัญของเครือข่ายสังคมต่อการทำธุรกิจ  ซึ่งเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มกับธุรกิจ เพราะในปัจจุบันสังคมประเทศไทยก็ตั้งอยู่บนเครือข่ายสังคมอยู่แล้ว หากแต่เราทราบถึงประโยชน์ของมันและนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์มากขึ้นก็จะเป็นการดีต่อตัวเรา ดังในหนังสือที่ผู้เขียนได้ใช้facebookในการเปิดตลาดการขายดอกไม้ของเขา โดยหนังสือเล่มนี้ถือได้ว่าเป็นกุญแจสำคัญในการไขข้อสงสัยและเทคนิคการบริหารควบคุมfacebookให้มีประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้ยังทำให้ผู้อ่านอย่างดิฉันทราบถึงนวัตกรรมการทำงานร่วมกันในยุคแห่งfacebook , เทคนิคและกลยุทธ์ในการสร้างเครือข่ายในเว็บสังคม อีกทั้งแนวโน้มของเว็บสังคมในอนาคตที่ผู้เขียนคาดว่าจะเกิดขึ้น ซึ่งจะทำให้ผู้อ่านเตรียมตัวรับมือและปรับตัวให้เข้ากับนวัตกรรมหรือเครือข่ายทางสังคมที่นับวันจะมีบทบาทต่อชีวิตประจำวันของเราได้ดียิ่งขึ้น